“ประเพณีและความเชื่อของระยองสะท้อนรากเหง้า วัฒนธรรม และความผูกพันของชุมชนกับธรรมชาติ”
ประเพณีและความเชื่อของชาวระยองเป็นสิ่งที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น สะท้อนวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชุมชนในท้องถิ่น งานประเพณีต่าง ๆ เช่น งานบุญ งานบวช หรือประเพณีท้องถิ่นเกี่ยวกับทะเลและสวนผลไม้ แสดงถึงความเคารพธรรมชาติและความสามัคคีของคนในชุมชน ความเชื่อเกี่ยวกับบรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังคงมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การประกอบพิธีกรรมมักเกี่ยวข้องกับอาหารพื้นบ้านและขนมท้องถิ่น เพื่อเป็นสิริมงคลและรักษาความสมดุลของชีวิต ศิลปวัฒนธรรมการรำ การร้องเพลง และละครพื้นบ้านถูกผูกเข้ากับงานประเพณี ทำให้เรื่องราวและความเชื่อถูกถ่ายทอดอย่างมีชีวิตชีวา ชุมชนยังคงรักษาความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนและธรรมชาติไว้ด้วยความเคารพและความภาคภูมิใจ ประเพณีและความเชื่อเหล่านี้ไม่เพียงเป็นรากฐานทางวัฒนธรรม แต่ยังสร้างความต่อเนื่องและความรู้สึกเป็นเอกลักษณ์ของคนระยอง และเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และส่งต่อไปสู่คนรุ่นใหม่.
ประเพณีทำบุญกลางบ้าน ณ ท่าน้ำศาลาต้นโพธิ์ บ้านสามย่าน อำเภอแกลง เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สะท้อน วิถีชีวิตชุมชนเกษตรกรรมและชาวประมง ของชุมชนชายฝั่งทะเลระยอง งานจัดขึ้นโดยเฉพาะหลังฤดูเก็บเกี่ยว เพื่อเป็นการ ขอบคุณบรรพบุรุษ เสริมสิริมงคล และสร้างความสามัคคีในหมู่บ้าน ประเพณีนี้มักจัดในช่วงเดือน 3–6 ตามปฏิทินจันทรคติไทย
กิจกรรมและพิธีกรรม
ในงานมีการก่อ พระเจดีย์ทราย เป็นสัญลักษณ์แห่งกุศลและพุทธบูชา และทำ ตุ๊กตาดินเผาสะเดาะเคราะห์ เพื่อนำไปวางตามสามแพร่งของหมู่บ้าน เพื่อสะเดาะเคราะห์ให้ผู้อยู่อาศัย ชาวบ้านยัง นิมนต์พระสงฆ์สวดพระปริตรและพระพุทธมนต์ในตอนค่ำ และถวายภัตตาหารในตอนเช้า เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ
ประวัติความเป็นมา
ประเพณีงานบุญกลางบ้านบ้านสามย่านมีรากฐานยาวนาน อาจย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยสุโขทัย จากหลักฐานตุ๊กตาดินเผาและคติความเชื่อเรื่องบรรพบุรุษ งานจัดขึ้นใน ท่าน้ำศาลาต้นโพธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมชาวบ้านประจำหมู่บ้าน เพื่อทำบุญร่วมกันและรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิม ชาวบ้านแต่ละครอบครัวมีส่วนร่วมในพิธีกรรมนี้อย่างใกล้ชิด
ความเชื่อและคุณค่า
คติความเชื่อผสาน ความเชื่อเรื่องผีบรรพบุรุษและพุทธศาสนาเถรวาท ชาวบ้านเชื่อว่าการทำบุญกลางบ้านเป็นการขอบคุณบรรพบุรุษที่มอบความอุดมสมบูรณ์ให้ชุมชน อีกทั้งยังช่วย สะเดาะเคราะห์และเสริมความอุดมสมบูรณ์ ของครัวเรือน การจัดงานประจำปี ณ ท่าน้ำศาลาต้นโพธิ์ยังคงรักษาคติความเชื่อเดิม หากงดเว้นประเพณี เชื่อว่าจะเกิดภัยพิบัติแก่หมู่บ้าน
ประเพณีทำบุญกลางบ้าน ณ ท่าน้ำศาลาต้นโพธิ์ บ้านสามย่าน อำเภอแกลง เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สะท้อน วิถีชีวิตชุมชนเกษตรกรรมและชาวประมง ของชุมชนชายฝั่งทะเลระยอง งานจัดขึ้นโดยเฉพาะหลังฤดูเก็บเกี่ยว เพื่อเป็นการ ขอบคุณบรรพบุรุษ เสริมสิริมงคล และสร้างความสามัคคีในหมู่บ้าน ประเพณีนี้มักจัดในช่วงเดือน 3–6 ตามปฏิทินจันทรคติไทย
ประเพณีทอดผ้าป่ากลางน้ำ ณ ปากน้ำประแส จังหวัดระยอง เป็นหนึ่งในประเพณีพื้นบ้านที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากที่อื่น ๆ เนื่องจากจัดขึ้น บนแม่น้ำประแส แทนที่จะเป็นบนฝั่งเหมือนประเพณีทอดผ้าป่าทั่วไป กิจกรรมนี้สะท้อนถึง วิถีชีวิตชาวประมง ที่ใช้เรือเป็นบ้านหลังที่สองและผูกพันกับสายน้ำอย่างแน่นแฟ้น
งานทอดผ้าป่ากลางน้ำมีความหลากหลายและจัดขึ้นทั้งกลางวันและกลางคืน โดยมี การแข่งเรือพาย ประกวดร้องเพลง การแสดงดนตรี และกิจกรรมชมงาน ต่าง ๆ เพื่อสร้างความสนุกสนานและความร่วมมือในชุมชน นอกจากนี้ ยังมี พุ่มผ้าป่าที่วางไว้ตามบ้านเรือนของประชาชน พระสงฆ์จะจับสลากหมายเลขและเดินชักพุ่มผ้าป่าตามหมายเลขที่จับได้ ทำให้ชุมชนทุกหลังคาเรือนมีส่วนร่วมในพิธีกรรมอย่างใกล้ชิด
ปากน้ำประแสตั้งอยู่ริมชายทะเลของจังหวัดระยอง มีอาชีพหลักคือ ประมง ชาวประมงต้องใช้ชีวิตอยู่บนเรือเป็นเวลานาน ทำให้เกิดความคิดที่จะทำบุญให้เรือเป็นสิริมงคล จึงเริ่มจัดพิธีทอดผ้าป่ากลางน้ำมาตั้งแต่กว่า 100 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากบุคคลเก่าของชุมชน เช่น คุณแม่มณี หวานเสนาะ (เกิด พ.ศ. 2437) และคุณแม่พวง บุญช่วยรอด (เกิด พ.ศ. 2444) ระบุว่าต้นกำเนิดเกิดจากความจำเป็นของชาวบ้านในการทำบุญบ้าน (เรือ) โดยใช้พุ่มผ้าป่าบนเรือและนิมนต์พระไปสวดมนต์
เดิมที บ้านเรือนชาวประแสตั้งอยู่ห่าง ๆ ตามชายหาดและชายคลอง โดยส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพหาปลา เช่น การตกเบ็ด ยกยอ ทอดแห และดักรอก ใช้เรือแจวหรือเรือพายเป็นพาหนะ เมื่อมีโอกาสทางการเงิน ชาวบ้านมักทำบุญบ้าน งานแต่งงาน และทอดผ้าป่าไปพร้อมกัน
ในช่วงแรกของการทอดผ้าป่ากลางน้ำ พุ่มผ้าป่าจะวางบนเรือโดยตรง พระภิกษุจะเดินชักผ้าป่าบนเรือ ซึ่งบางครั้งสร้างความลำบากให้กับพระภิกษุ ต่อมาคณะกรรมการจัดงานได้ปรับเปลี่ยนให้ ชาวบ้านนำพุ่มผ้าป่าไปวางตามบ้าน พระภิกษุจะจับสลากและชักพุ่มผ้าป่าตามหมายเลข นอกจากนี้ ยังมี การสร้างแพผ้าป่าไว้กลางน้ำ เพื่อให้พระภิกษุทำพิธีทอดผ้าป่าบนแพ ทำให้ประเพณีมีความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น
ปัจจุบัน งานทอดผ้าป่ากลางน้ำจัดขึ้นทุกปี ตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสอง และมีการจัดงานมหรสพประมาณ 3-4 วัน โดยยังคงรูปแบบการวางพุ่มผ้าป่าตามบ้านเรือนเหมือนเดิม ทำให้ทั้งชุมชนมีส่วนร่วมและรักษาวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมไว้
ประเพณีทอดผ้าป่ากลางน้ำไม่เพียงเป็น กิจกรรมทางศาสนา แต่ยังสะท้อนถึง วิถีชีวิตและความผูกพันของชาวประมงกับสายน้ำ การทำบุญทอดผ้าป่าช่วยสร้างความสามัคคีในชุมชน และส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ภูมิปัญญาและขนบธรรมเนียมดั้งเดิม
กิจกรรมประกวดเรือพาย การร้องเพลง และการจัดดนตรีในงานยังช่วยสร้าง ความสนุกสนานและสีสันให้กับงาน ประเพณีทอดผ้าป่ากลางน้ำจึงเป็นทั้ง วัฒนธรรมประเพณีและแหล่งท่องเที่ยวเชิงชุมชน ที่ทำให้ชาวประแสภาคภูมิใจและเป็นจุดเด่นของจังหวัดระยอง
ในอำเภอแกลง โดยเฉพาะที่บ้านปากคลองแกลง ชาวไทยเชื้อสายจีนจะร่วมกันจัด เทศกาลกินเจ ประจำปีที่ศาลเจ้าพ่อโต๊ะกงlek-prapai.org. เทศกาลนี้ผสมผสานความเชื่อและพิธีกรรมจีนหลายกลุ่ม เช่น การบูชาพระโพธิสัตว์กวนอิม และมีการจัดงานกินเจถึง ๒ ครั้งต่อปีlek-prapai.org. ครั้งหนึ่งจัดช่วงต้นปีจีน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระโพธิสัตว์กวนอิม และอีกครั้งจัดในเดือน ๙ ตามปฏิทินจีน (เทศกาลสารทจีน) เพื่อบูชาพระกิ๋วอ๋องไต่เต่ (เจ้าแม่กิ้วอ๋อง) เป็นประจำlek-prapai.org. พิธีในเทศกาลกินเจจะมีการตั้งโต๊ะบูชาเทพเจ้า การสวดมนต์ และการถือศีลกินผัก โดยชุมชนเน้นย้ำให้ผู้ร่วมงานร่วมกันสืบสานขนบประเพณีจีน-ไทยร่วมกันในท้องถิ่นlek-prapai.org.
จังหวัดระยองมีอาณาเขตส่วนหนึ่งติดกับทะเล อาชีพประมงจึงเป็นอาชีพที่สำคัญของชาวระยองอย่างหนึ่ง มีผู้ประกอบอาชีพประมงเป็นจำนวนมาก แม้ว่าสภาพสังคมระยองในปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไปจากสังคมเกษตรเป็นสังคมอุตสาหกรรม แต่ความเชื่อเกี่ยวกับแม่ย่านาง ชาวประมงยังยึดมั่นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเหนียวแน่น เพราะแม่ย่านางเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตประจำเรือ คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล ดูจะเป็นคำพังเพยที่คุ้นหูของคนไทยที่เตือนสติให้คนอย่าประมาท สิ่งทีเห็นอยู่อาจมีภัยที่ไม่คาดคิดได้ ทำให้คิดว่าคนโบราณมองทะเลว่าเต็มไปด้วยอันตรายลี้ลับ อาจมีภัยถึงกับชีวิต หรือต้องผจญภัยกับคลื่นลมพายุที่อาจเกิดขึ้น เรืออับปางสำหรับคนออกทะเล ขวัญและกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ และสิ่งที่จะทำให้เกิดขวัญและกำลังใจได้อย่างหนึ่งก็คือความเชื่อ ชาวประมงเชื่อว่าแม่ย่างนางเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเรือ ที่ทุกคนจะต้องเคารพ จะต้องช่วยให้ทุกคนปลอดภัย และให้เกิดโชคลาภแก่ตน การปฏิบัติเกี่ยวกับความเชื่อใด ๆ ที่จะทำให้แม่ย่านางพอใจชาวประมงก็จะปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เช่นไม่ทะเลาะกันขณะอยู่ในเรือ ไม่ทำเรือสกปรก ไม่ดื่มสุราก่อนออกเรือ ไม่เหยียบโขนเรือ ไม่นำผู้หญิงมาร่วมเพศในเรือเป็นต้นข้อห้ามทั้งหมดก็เพื่อให้ผู้ร่วมงานเกิดความรักแลความสามัคคีกันซึ่งชาวประมงเชื่อว่าเป็นความต้องการของแม่ย่านาง ความเชื่อเรื่องแม่ย่านางน่าจะเกิดจากความกลัวภัยต่าง ๆ ที่คิดว่าทะเลนั้นเต็มไปด้วยภัยอันตราย แต่การเกิดความเชื่อนี้ก็เป็นผลดี เพราะแฝงไปด้วยความคิดและเหตุผลอันชาญฉลาด ได้แก่การให้ปฏิบัติในสิ่งที่ดีที่ควรเพื่อจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ชาวประมงต้องไหว้แม่ย่านางทุกครั้งที่ออกเรือนอกจากนั้นทุกวันพระ 15 ค่ำ วันตรุษจีน วันตรุษสงกรานต์ก็จะถือเป็นประเพณีมีการไหว้แม่ย่านางด้วย ผู้ทำพิธีไหว้แม่ย่านางเรือ คือไต้ก๋ง และจะไหว้ในตอนเช้า เครื่องไหว้แม่ย่านางได้แก่ หัวหมู ไก่ ผลไม้ต่าง ๆ เช่นกล้วย ส้ม มะพร้าวอ่อน เป็นต้น ขนมเปี๊ยะ ขนมถ้วยฟู ธูป 9 ดอก และให้สมบูรณ์ต้องจุดประทัดด้วย
ขั้นตอนการไหว้
การไหว้แม่ย่านางนี้ชาวประมงส่วนใหญ่ทำตามคำบอกเล่าของตนเฒ่าคนแก่เพราะเชื่อว่าจะให้คุณให้โทษแก่ผู้ปฏิบัตจิได้จริงแล้วพิธีกรรมใดก็ตามน่าจะเกิดจากความต้องการขวัญและกำลังใจเพื่อความมั่นใจในการทำงานเป็นสำคัญ
จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงวันเพ็ญเดือนสิบสอง ณ วัดปากน้ำอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง โดยมีกิจกรรมที่สำคัญคือการห่มผ้าพระเจดีย์กลางน้ำ การแข่งขันเรือยาว การลอยกระทง และการแสดงมหรสพต่าง ๆ
เจดีย์กลางน้ำเก่าแก่ เป็นเจดีย์ทรงระฆัง สูงประมาณ 10 เมตร ประดิษฐานอยู่ที่เกาะกลางแม่น้ำระยอง มีน้ำล้อมลอบ ประกอบด้วยป่าชานเลนที่ยาวไกลไปตามชายแม่น้ำ มีถนนถึงสะพานไม้ลูกระนาด ข้ามไปสู้เจดีย์ สถานที่บริเวณบริเวณเจดีย์ร่มรื่นมีผู้คนเข้าไปพักผ่อนและเยี่ยมชมอยู่เป็นประจำปัจจุบันอยู่ในความดูแลของวัดปากน้ำ และเทศบาลนครระยอง
ประวัติความเป็นมา พระยาศรีสมุทรโภคชัยชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา) เจ้าเมืองระยอง ให้สร้างเจดีย์นี้ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ ปี พ.ศ.2416 เนื่องจากเห็นว่าข้าราชการหัวเมืองที่เดินทางไปเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวที่กรุงเทพฯ ได้ใช้พระเจดีย์กลางน้ำที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นจุดสังเกตว่าใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว จะได้เตรียมข้าวของและเครื่องแต่งตัวให้เรียบร้อยจึงนำแบบอย่างมาสร้างเจดีย์กลางน้ำที่ระยองบ้าง เมื่อครั้งที่ชาวระยองยังทางน้ำเป็นเส้นทางคมนาคมเป็นหลัก พระเจดีย์กลางน้ำของชาวเรือทุกลำ เพราะเมื่อเดินเรือมาถึงบริเวณนี้ก็ถือว่าได้เดินทางมาถึงเมืองระยองอย่างปลอดภัยแล้ว ในปี พ.ศ.2517 ได้มีการบูรณพระเจดีย์ขึ้นใหม่
การแห่นางแมว เป็นพิธีขอฝนของชาวบ้าน เมื่อเห็นว่าฝนไม่ตกต้องตามฤดูฝนซึ่งฝนควรจะตกเมื่อฝนแล้งชาวนาชาวสวนลำบาก เพราะขาดน้ำนอกจากจะมีพิธีทำบุญกลางทุ่งเพื่อขอฝนแล้วยังมีประเพณีแห่นางแมวกันอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถจะทำให้ฝนตก ชาวเกษตรจะได้เป็นสุขขึ้นประเพณีแห่นางแมวนี้ในจังหวัดระยองนี้มีทำกันทั่วๆไป ที่พบเห็นในปัจจุบันในตำบลตาขัน อำเภอบ้านค่าย ตำบลเชิงเนิน ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง อำเภอแกลง อุปกรณ์การเล่น
ผู้เล่น ชาวบ้านทั้งหญิง ชาย ไม่เลือกวัย เมื่อชาวบ้านปรึกษาหารือกันตกลงว่าจะจัดแห่นางแมวเพื่อขอฝน ก็จะหาแมวตัวเมีย ตัวหนึ่งใส่กรง หรือใส่กระชังสำหรับขังปลา หรือภาชนะอื่น ๆ ที่เห็นว่าเหมาะสมปิดฝาให้แน่น ไม่ให้นางแมวกระโดด หรือวิ่งออกไปได้ การแห่นิยมในตอนค่ำ หรือไม่ก็ตอนเช้า ใช้ไม้คานหามนางแมวนั้น คณะที่ไปร่วมขบวนแห่ก็แวดล้อมนางแมว มีคนหนึ่งถือพานเครื่องไหว้เครื่องบูชา และเป็นที่ใส่ปัจจัยที่ชาวบ้านมอบให้ด้วยก็ได้เป็นผู้นำร้องเชิญคำขอฝน คณะที่ร่วมขบวนแห่ก็มีเครื่องทำจังหวะต่าง ๆ ติดไปด้วย เช่น ฉิ่ง ฉาบกรับโหม่ง
คณะพร้อมแล้ว ขบวนแห่ก็เริ่มออกเดิน และร้องบทแห่นางแมว และให้จังหวะดูเป็นการสนุกสนานไปด้วยเรื่องของคำร้องนี้แต่ละตำบลแต่ละตำบลแต่ละท้องถิ่นดูจะผิดเพี้ยนกันไปบ้าง แต่ก็มีความหมายทำนองเดียวกัน และบางทีก็ร้องดันไปตามถนัด ผู้ติดตามก็ร้องรับ หรือร้องคล้อยตามกันไปเป็นที่สนุกสนาน
วิธีแห่ก็แห่กันไปทุกๆบ้านตามหมู่บ้านของตน หรือหมู่บ้านใกล้เคียง ตั้งแต่หัวบ้านจดท้ายบ้าน เมื่อขบวนแห่ไปถึงบ้านใคร เจ้าของบ้านหรือลูกหลานจะออกมาต้อนรับ เอาน้ำสาดตัวนางแมวและมีของรางวัลมามอบให้คณะแห่นางแมวด้วย เช่น เหล้า ข้าวสาร มะพร้าว หรือปัจจัยแล้วแต่เจ้าของบ้านจะจัดให้ไม่บังคับ เมื่อแห่ไปครบบ้านในละแวกนั้นแล้ว คณะมักจะจัดทำข้าวต้ม ข้าวมันรับประทานกัน และจำรวบรวมปัจจัยและสิ่งของที่ชาวบ้านให้ จัดเป็นผ้าป่าไปทอดที่วัด หรือไม่ก็นำถวายวัด ถวายพระ เพื่อเป็นการกุศลอีกทอดหนึ่ง
ชาวบ้านจะร่วมมือกันช่วยหล่อเทียนจำนำพรรษา พร้อมตกแต่งเทียนพรรษา และเดินขบวนแห่รวมกับหน่วยงวนในเขตพื้นที่ เพื่อนำไปถวายวัดในเขตเทศบาลคือ วัดตะเคียนงามและวัดสมมติเทพฐาปนาราม (วัดแหลมสน) เป็นประจำทุกปี
จัดขึ้นในเดือนเมษายนของทุกปี โดยชาวบ้านและหน่วยงานในเขตพื้นที่มีการสืบทอดประเพณีงานบุญวันไหล เพื่อรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุ มีการจัดการแข่งขันกีฬาเชื่อมความสามัคคีในชุมชน และมีการแสดงดนตรีในช่วงกลางคืน
🌊 วันไหล ระยอง 2025
💦 13/04/2025 | อำเภอเมืองระยอง, สวนศรีเมือง, ยมจินดา, สายล่าง (ถนนราษฎร์บำรุง), ตะพง, หาดแม่รำพึง, แหลมแม่พิมพ์, สามย่าน, อนุสาวรีย์สุนทรภู่, พังราด เล่นยาวๆ ทั้งจังหวัด
💦 15/04/2025 | แหลมแม่พิมพ์
💦 16/04/2025 | บ้านเพ (ถนนข้าวคลุกกะปิ)
💦 17/04/2025 | อำเภอปลวกแดง, อำเภอบ้านฉาง
💦 18/04/2025 | นิคมพัฒนา
💦 21/04/2025 | มาบตาพุด, บ้านค่าย
💦 29/04/2025 | ปากน้ำระยอง
ประเพณีวิ่งควายของอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง เป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมเกษตรกรรมดั้งเดิมของภาคตะวันออก มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี เดิมพื้นที่บางตำบลของอำเภอปลวกแดง เช่น ตำบลปลวกแดงและตำบลตาสิทธิ์ เคยอยู่ในเขตจังหวัดชลบุรี ชาวบ้านแถบนี้จึงถือว่าประเพณีวิ่งควายเป็นของตนเช่นเดียวกัน
ประเพณีวิ่งควายมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ควายได้พักผ่อนจากการทำงานในไร่และนา สะเดาะเคราะห์และป้องกันการระบาดของโรคในวัวควาย แสดงความรู้คุณต่อควายซึ่งเป็นสัตว์สำคัญต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรม และเปิดโอกาสให้ชาวบ้านมาพบปะสังสรรค์สร้างความสามัคคี
งานประเพณีวิ่งควายจัดขึ้นทุกปี ณ สี่แยกเฉลิมพระเกียรติ อำเภอปลวกแดง ช่วงเทศกาลวันออกพรรษา หลังจากทำบุญตักบาตรเทโวโรหนะ โดยสถานที่จัดงานหลัก ได้แก่ ตลาดปลวกแดงและตลาดโรงงานบริษัทน้ำตาลตะวันออก ในพื้นที่ตำบลปลวกแดงและตาสิทธิ์ ในอดีตประเพณีนี้เป็นที่รู้จักเฉพาะชาวบ้านท้องถิ่น แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นประเพณีของอำเภอปลวกแดงและมีผู้คนทั่วไปเข้ามาชมมากขึ้น โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดระยองและนายอำเภออิสสระ สุดแสวงเคยไปเป็นประธานการวิ่งควายตั้งแต่ปี 2529
เจ้าของควายจะตกแต่งควายอย่างสวยงามด้วยผ้าผ่อน แพรพรรณ ดอกไม้ และเครื่องประดับหลากสี ส่วนเจ้าของควายก็แต่งกายแปลกตา เช่น แต่งเป็นชาวเขา ชาวอินเดียนแดง หรือแต่งเหมือนเจ้าชายในลิเกละคร จากนั้นนำควายมาวิ่งแข่งขันกันเพื่อประกวดความสมบูรณ์และความงามของควาย ความสนุกสนานเกิดจากท่าทางวิ่งควายที่แปลกตา บางคนลื่นตกจากหลังควาย ทำให้ผู้ชมส่งเสียงเชียร์อย่างสนุกสนาน ในปัจจุบันยังมีการประกวดควายแฟนซี ควายตลกขบขัน และธิดาบ้านไร่บ้านนาเพื่อเพิ่มสีสันให้กับงาน
ประเพณีวิ่งควายเป็นประเพณีของชาวไร่ ชาวสวน และเกษตรกรโดยแท้จริง เป็นโอกาสให้ชาวบ้านพบปะสังสรรค์หลังฤดูเก็บเกี่ยว และเป็นเวทีให้ประชันการบำรุงเลี้ยงควายของแต่ละครอบครัว อีกทั้งยังสร้างความสามัคคีและผนึกกำลังชุมชน งานนี้ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์อำเภอปลวกแดงให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ประเพณีวิ่งควายจึงไม่ใช่เพียงการละเล่นหรือการแข่งขัน แต่เป็นวัฒนธรรมเกษตรกรรมที่ผสานความเชื่อ ความบันเทิง และความสามัคคีของชุมชนที่สืบทอดจากบรรพชนจนถึงปัจจุบัน
ฤดูฝนของจังหวัดระยองเป็นช่วงเวลาที่ชาวนาต่างเตรียมแปลงนาเพื่อหว่านข้าว ประเพณีหนึ่งที่สืบทอดกันมาช้านานและยังคงเห็นได้ในหลายอำเภอ คือ ประเพณีลงแขกดำนา กิจกรรมนี้ไม่ใช่เพียงการทำงานเกษตร แต่เป็นวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความสามัคคี ความเอื้อเฟื้อ และวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนระยอง
ความหมายและที่มา คำว่า “ลงแขก” หมายถึงการรวมกลุ่มชาวนาเพื่อช่วยกันดำนาในแปลงเดียวกัน หลายครอบครัวจะรวมตัวกัน เพื่อทำงานให้เร็วขึ้น สนุกสนาน และยังเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการทำเกษตรประจำฤดูกาล ประเพณีนี้มีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ โดยเฉพาะในชุมชนเก่าแก่ที่ยังคงทำนาแบบดั้งเดิม
ขั้นตอนการลงแขก การลงแขกดำนาเริ่มจากการเตรียมแปลงนาให้พร้อม เช่น ไถนาและเกลี่ยดินให้เรียบ กลุ่มชาวนาจะเรียงตัวกันเป็นแถว มือแต่ละคนจะถือหว่านข้าวหรือจับต้นกล้าเพื่อปลูกลงดิน จากนั้นทุกคนจะเดินลงไปในนา ดำนาไปพร้อมกัน เสียงหัวเราะและบทสนทนาเติมเต็มบรรยากาศให้มีชีวิตชีวา
ความพิเศษของการลงแขกอยู่ที่ ความสามัคคีและความสนุก แม้จะเป็นงานเหนื่อย แต่ชาวบ้านจะช่วยกันร้องเพลงพื้นบ้าน หรือมีการเล่นสนุกระหว่างทำงาน ทำให้เด็ก ๆ และคนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และสนุกไปพร้อมกัน
ประโยชน์ของประเพณี
ด้านสังคม: ทำให้คนในชุมชนมีความสามัคคี และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว
ด้านวัฒนธรรม: เป็นการสืบทอดวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวนาในระยอง
ด้านการศึกษา: เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้วิถีชีวิตเกษตร และเห็นคุณค่าของการทำงานร่วมกัน
ด้านเศรษฐกิจ: ช่วยให้งานเกษตรเสร็จเร็วขึ้น ทำให้สามารถปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวได้ตรงเวลา
ในปัจจุบัน ประเพณีลงแขกดำนาในระยอง ยังมีอยู่ แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้จัดเป็นงานใหญ่หรือเทศกาลสาธารณะเหมือนงานประเพณีอื่น ๆ เช่น งานวิ่งควายหรือแข่งเรือยาว แต่ชาวบ้านยังทำกันตามฤดูกาลดำนาในแต่ละชุมชน เพื่อช่วยกันปลูกข้าวและสืบสานวัฒนธรรม แม้โลกจะเปลี่ยนไป ประเพณีนี้ก็ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของความร่วมแรงร่วมใจ ความเอื้อเฟื้อ และความสนุกสนานในการทำงานเกษตรแบบดั้งเดิม
ประเพณีลงแขกดำนาในระยองเป็นตัวอย่างที่ดีของวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ไม่สูญหายไปตามกาลเวลา แม้ว่าจะไม่ได้ปรากฏเป็นข่าวหรือจัดเป็นงานใหญ่ แต่ชาวบ้านยังคงปฏิบัติอยู่เป็นประจำ เป็นบทเรียนที่สอนให้รู้จัก ความสามัคคี ความอดทน และการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น
รายการประเพณีที่ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม–
– ประเพณีการทำบุญวันไหลท้ายสงกรานต์
– ประเพณีตักบาตรเทโว
ประเพณีการแข่งเรือยาวที่ปากน้ำประแสร์ ไม่พบว่ามีการจัดงาน
ประเพณีแห่นางแมว
– ประเพณีปักเฉลว ไม่พบขัอมูลหลักฐานว่ายังมีการทำอยู่
– ประเพณีการทำขวัญข้าว
– ประเพณีลอยกระทง
– ประเพณีแห่เทียนพรรษา
– ประเพณีวันสารท
– ประเพณีเทศมหาชาติ
งานชิมปลาบ้านฉาง ไม่พบข้อมูล
– ประเพณีทอดกฐิน
– ประเพณีการสวดหน้าศพ เสนอในมหรสพพื้นเมือง
– งานเทศกาลผลไม้ และของดีเมืองระยอง ประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี ในงานมีขบวนแห่รถประดับผลไม้ การประกวดผลไม้ การประกวดธิดาชาวสวน การจำหน่ายผลไม้ และผลิตภัณฑ์อาหารทะเล ตลอดจนการแสดงนิทรรศการด้านการเกษตร จัดในช่วงฤดูผลไม้ประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี
– งานวันสุนทรภู่ 24 มิถุนายน ของทุกปี จัดเป็นประจำทุกปี ในวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี ณ บริเวณอนุสาวรีย์สุนทรภู่ ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง มีการจัดพิธีสักการะ บวงสรวงดวงวิญญาณ และทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ท่านสุนทรภู่ เพื่อรำลึกและสดุดีสุนทรภู่รัตนกวีของไทย และเป็นการเผยแพร่เกียรติยศ ผลงานอันเป็นอมตะของท่
– งานห่มผ้าพระเจดีย์กลางน้ำ
– งานวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและงานปีใหม่จังหวัดระยอง 29 ธันวาคม 2555 – 3 มกราคม 2556 จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม ณ บริเวณสนามกีฬากลาง ด้วยจังหวัดระยอง ได้กำหนดจัดงานวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และงานกาชาดจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นงานประเพณีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ขึ้นเป็นประจำในทุกๆ ปี
–