หนังสือ “หนังใหญ่วัดบ้านดอน ฉบับบทกลอน” เล่มนี้ถือกำเนิดขึ้นจากแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นในการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของจังหวัดระยอง หนังใหญ่วัดบ้านดอนเป็นศิลปะการแสดงที่เก่าแก่และสำคัญของไทย มีประวัติยาวนานกว่า ๒๐๐ ปี เป็นมหรสพชั้นสูงที่สืบทอดจากบรรพบุรุษจนถึงคนรุ่นปัจจุบัน ตัวหนังใหญ่หลายตัวเป็นของเก่าแก่ในยุคแรกเริ่ม และยังคงแสดงถึงรากเหง้าของอารยธรรมที่ชาวบ้านดอนพยายามรักษาไว้ไม่ให้เลือนหายไปตามกาลเวลา
หนังสือ “ฉบับบทกลอน” ถือเป็นเล่มแรกและเล่มเดียวที่ถูกเขียนบรรยายประวัติหนังใหญ่วัดบ้านดอนอย่างละเอียดด้วยรูปแบบของ “บทกลอน” โดยรวบรวมข้อมูลอย่างครบถ้วน รวมถึงภาพประกอบในยุคแรกเริ่มที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่เคยพบเห็น การที่เลือกถ่ายทอดด้วยบทกลอนนั้น เป็นการประยุกต์และสร้างมิติใหม่ที่นำเอาลักษณะการเล่าเรื่องแบบโบราณมาผสานกับการอนุรักษ์ สร้างความน่าสนใจและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้นสำหรับคนทุกเพศทุกวัย
ต้นกำเนิดของหนังสือเล่มนี้มาจากแรงใจอันบริสุทธิ์ของสามัญชนคนหนึ่งที่ทุกคนเรียกขานว่า “ป้าติด” หรือ “เจ๊ติด” ผู้เป็นแม่ครัววัย ๗๐ กว่าปี ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพขายข้าวแกงจนมีฐานะมั่นคง และที่สำคัญคือท่านมีความสามารถด้านการ แต่งกลอน ป้าติดเริ่มสนใจการแต่งกลอนในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ต้องเก็บตัวอยู่กับบ้าน ทำให้มีเวลาทำในสิ่งที่รักมานานอย่างการประพันธ์กลอน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของบทกลอนหนังใหญ่วัดบ้านดอนที่เธอส่งมาให้ผู้เขียนดู
เมื่อผู้เขียน (นางอัญชลี จิตรบรรจง หรือ ครูแห้ว) ได้รับกลอนชุดแรกจากป้าติดซึ่งมีอายุราว ๔-๕ วรรค ก็พบว่ามีสัมผัสที่ผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่ด้วยความเคารพ จึงตัดสินใจตอบกลับด้วยกลอนที่แฝงด้วยคำแนะนำไปถึงป้าติด เมื่อป้าติดได้รับกลอนก็เข้าใจทันที และความรู้สึกที่ “ไม่เป็นปรกติ” จากการทำผิดพลาดในวันนั้น กลับกลายเป็นแรงผลักดันให้นักกลอนท่านนี้มีความมุ่งมั่นตั้งใจเรียนรู้เพิ่มเติม จนสามารถพัฒนาตนเองเป็นนักกลอนที่มีผลงานคุณภาพได้ในที่สุด
ผู้ประพันธ์หลักของหนังสือคือ “กรีชาบวร” ผู้เป็นคนคุ้นเคยกับ “ป้าติด” และได้ร่วมงานเขียนหนังสือเล่มนี้มานานกว่า ๒๐ ปี เจ๊ติดคือบุคคลสำคัญที่เคยบริจาคเงินจำนวนมากเพื่อสนับสนุนหนังใหญ่วัดบ้านดอน ทั้งยังเป็นผู้ชักชวนผู้บริจาครายอื่น ๆ และบริจาคตัวเองลงแรงอย่างต่อเนื่อง ความผูกพันอันยาวนานนี้เอง ทำให้กรีชาบวรเข้าใจถึงความชื่นชมในบทกลอนของป้าติด และได้ขอข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์หนังใหญ่เพื่อนำไป แต่งบทกลอนประวัติหนังใหญ่ ให้เป็นเรื่องราวที่สละสลวยและอ่านได้ง่าย
กรีชาบวรได้ใช้ความพยายามอย่างสูงในการเรียบเรียงเรื่องราว โดยรวบรวมข้อมูลจากทั้งหนังสือเล่มเล็ก หนังใหญ่วัดบ้านดอน เอกสารของ อาจารย์อำไพ บุญรอด (ประธานกรรมการอนุรักษ์หนังใหญ่วัดบ้านดอน) และบุคคลสำคัญอื่น ๆ ด้วยการแต่งกลอนประวัติหนังใหญ่ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในข้อมูลและต้องมีความสามารถทางกวีเพื่อเรียงร้อยเรื่องราวให้สละสลวยและเป็นจังหวะจะโคน ๒๐ ปี คือช่วงเวลาของการสั่งสมประสบการณ์ในการร้อยเรียงเรื่องราวเกี่ยวกับหนังใหญ่วัดบ้านดอนจนกลายเป็นผลงานอันทรงคุณค่า
การจัดทำหนังสือ “หนังใหญ่วัดบ้านดอน ฉบับบทกลอน” สำเร็จลงได้ด้วยความร่วมมือจากหลายฝ่าย นอกจากกรีชาบวรและป้าติดแล้ว ยังมีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านที่ช่วยแนะนำและตรวจสอบข้อมูล อาทิ อาจารย์อำนาจ ศิริแพทย์, อาจารย์อุดม มัทธีประทีป และ นางอัญชลี จิตรบรรจง ทุกท่านต่างช่วยชี้แนะแนวทาง ให้ความรู้ และแก้ไขบทกลอนที่แต่งขึ้น เพื่อให้หนังสือมีความถูกต้องทั้งด้านประวัติศาสตร์และฉันทลักษณ์
เจตนารมณ์หลักของการจัดทำหนังสือเล่มนี้คือการ ประยุกต์ สร้างมิติใหม่ และใช้กลอนเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่คุณค่าและความรู้ของหนังใหญ่วัดบ้านดอนสู่สังคมโดยรวม โดยมุ่งหวังให้คนรุ่นใหม่และคนในชุมชนได้ ปลูกฝังให้เห็นความสำคัญ ของหนังใหญ่มาตั้งแต่เยาว์วัย เป็นการจุดประกายความสนใจให้ทุกคนร่วมกันสืบสานพลังอนุรักษ์หนังใหญ่วัดบ้านดอนไว้กับสภาพการณ์ตลอดกาล
หนังสือเล่มนี้จึงเป็นมากกว่าแค่การบันทึกประวัติศาสตร์ เป็นผลผลิตจากความพากเพียร ความทุ่มเท และความรักในศิลปวัฒนธรรมของผู้คนหลายรุ่น ผู้เขียนชื่นชมในความสามารถ ความตั้งใจ และความมุ่งมั่นของเจ๊ติดและกรีชาบวร หวังว่าหนังสือ “หนังใหญ่วัดบ้านดอน ฉบับบทกลอน” จะเป็นหนังสือที่มีคุณค่า มีประโยชน์ในอนาคต และชื่อของ “กรีชาบวร” จะถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ไปอีกยาวนาน
ท้ายที่สุดนี้ คือคำขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อทุกท่านที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนักแสดงหนังใหญ่ที่ร่วมกันสละเวลา ทุ่มเทแรงกายและใจในการอนุรักษ์ศิลปะนี้ การจัดทำหนังสือเล่มนี้ถือเป็นความสำเร็จที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณค่าอันสูงส่งที่อยู่ในตำนานจะสืบทอดต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน และขออวยพรให้พรไชยสวัสดิ์และความเจริญรุ่งเรืองของมรดกทางวัฒนธรรมนี้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดไป.